25 มกราคม 2015
กลุ่มว้าวไบ๊ค หนุ่มสาวทั้งหลาย ซื้อข้าวของมาบริจาคมากมาย
พร้อมเงินสด 6377 บาท
ขอบคุณมากค่ะ
กลุ่มนี้เป็นแฟนเพจพัทยาด้วยนะคะ
ทราบช่าวเราโดนไล่
เลยรวมตัวกัน ระดมทุน ซื้อของและบริจาคเงิน
ต้องขอขอบคุณมากค่ะ
25 มกราคม 2015
กลุ่มว้าวไบ๊ค หนุ่มสาวทั้งหลาย ซื้อข้าวของมาบริจาคมากมาย
พร้อมเงินสด 6377 บาท
ขอบคุณมากค่ะ
กลุ่มนี้เป็นแฟนเพจพัทยาด้วยนะคะ
ทราบช่าวเราโดนไล่
เลยรวมตัวกัน ระดมทุน ซื้อของและบริจาคเงิน
ต้องขอขอบคุณมากค่ะ
24 ม.ค 58
สโมสรโรตารี่พัทยา พาเด็กๆมาเที่ยวพัทยาปาร์ค รวมทั้งหมด50 คน
เด็ก30
ผู้ใหญ่20
มื้อกลางวัน ข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง
แซ่บหลายเด้อ
ขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมกิจกรรมค่ะ
ช่วงนี้ทางเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลเว็บไซต์หรือทางทีมงานของมูลนิธิฯ ไม่ได้เข้ามาตรวจเช็คข้อความที่ทางพี่น้องผู้ติดตามข่าวสารของมูลนิธิฯได้ทิ้งข้อความไว้ ทางเราขออภัยในการตอบคำถามล่าช้า จริงๆแล้วติดต่อผ่านทางอีเมล์น่าจะสะดวกกว่าค่ะ
หลังจากปีใหม่ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าปลายปีที่แล้วเราจะเจอมรสุมหนัก แต่ท่านเหล่านี้เคียงข้างให้กำลังใจเรา สนับสนุนเรา มูลนิธิฯ ซาบซึ้งใจจริงๆ เราเชื่อว่า ความรักชนะทุกสิ่ง ขอบคุณที่รักเรา
15/01/58. วันนี้ต้องขอขอบคุณ คุณแป๋ม และคุณแม่ ที่ได้นำผักสดๆต่างๆมาบริจาค. ขอพระเจ้าอวยพรด้วยน่ะค่ะ. ขอบคุณมากๆค่ะ
ตัวแทนคนไทยในนอร์เวย์ทราบข่าว ‘มูลนิธิกระท่อมพระสิริ’ ถูกไล่ที่ รุดเยี่ยมเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วยเอดส์ พร้อมกับมอบเงินสดและข้าวสารไว้ยังชีพ
ที่ศูนย์พักฟื้นผู้ป่วยโรคเอดส์ มูลนิธิกระท่อมพระสิริ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี นายบีบี ไมเคลเซน (Mr.Bebe Michelsen) ตัวแทนคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศนอร์เวย์ พร้อมด้วยผู้ประกอบการธุรกิจในพัทยา ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางเข้าเยี่ยมเป็นกำลังใจให้กับผู้ป่วย พร้อมกับมอบเงินสดจำนวน 99,999 บาท และข้าวสารมูลค่า 10,000 บาท โดยมี น.ส.พรสวรรค์ คริสต์ภิรักษ์ ผอ.มูลนิธิกระท่อมพระสิริ พร้อมด้วยผู้ป่วยที่พักรักษาตัวและฝึกอาชีพอยู่ในมูลนิธิฯ ให้การต้อนรับ
นายบีบี ไมเคลเซน เปิดเผยว่า ตนเป็นคนไทยที่ประกอบธุรกิจร้านอาหารไทยอยู่ที่ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งในทุกเทศกาลปีใหม่ ตนและเพื่อนๆ จะระดมเงินทุนนำมาบริจาคช่วยเหลือให้แก่มูลนิธิต่างๆ อยู่เป็นประจำ โดยก่อนหน้านี้ทราบข่าวจากทางอินเตอร์เน็ตว่า มูลนิธิกระท่อมพระสิริแห่งนี้ถูกชาวบ้านขับไล่ ตนกับเพื่อนๆ ที่อยู่ประเทศนอร์เวย์ และที่เมืองพัทยา จึงช่วยกันเรี่ยไรเงินนำมามอบให้มูลนิธิกระท่อมพระสิริ และอยากฝากไปถึงชาวไทยว่าอยากให้เข้าใจ เห็นใจผู้ป่วยติดเชื้อเอดส์ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีความสุข.
คัดลอกบทความจากบูรพานิวส์
ทางมูลนิธิกระท่อมพระสิริขอขอบคุณทุกกำลังใจ และความเมตตาของทุกท่านที่มีส่วนในงานบุญครั้งนี้
เมื่อวันที่ 18/01/58 คุณ พิสิทธิ์ และครอบครัว จาก ศรีราชา ที่ได้นำเตียงคนป่วยแบบ 3ไกล์ มือหนึ่งพร้อมที่นอนลมยาง1ชุด พร้อมกับเงินสด จำนวน3000บาท เพื่อสนับสนุนในงานของมูลนิธิ ขอพระเจ้าทรงอวยพรด้วยน่ะค่ะ. ขอบคุณมากๆค่ะ
วันที่ 01 มกราคม 2015 กลุ่มเพื่อนๆพี่น้องคนใจบุญ บ้านนาวังบริจาคสิ่งของอุปโภคและบริโภคและเงินสนับสนุนให้กลับมูลนิธิกระท่อมพระสิริ พร้อมคำพูดให้กำลังใจ ขอบคุณจริงๆ
หลังจากมีข่าวของมูลนิธิกระท่อมพระสิริ ที่ชาวบ้านมีประชามติ ให้ย้ายออกจากพื้นที่ชุมชนหลังเนิน อ.บางละมุง แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน ทำให้เป็นที่สนใจของหลายๆ คน จนล่าสุดในโซเชี่ยลของ หนุ่มโอ อนุชิต มีภาพการไปเยี่ยมเพื่อให้กำลังใจกับผู้ป่วยโรคเอดส์ – See more at: http://tv.truelife.com/detail/3273470
แถลงการณ์คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
เรื่อง กรณีการลงประชามติให้ย้ายสถานดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวีออกจากหมู่บ้าน
ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชนว่า ได้มีการทำประชามติของหมู่บ้านชาวชุมชนหลังเนิน หมู่ที่ ๓ ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ต้องการให้มูลนิธิกระท่อมพระสิริ ซึ่งเป็น ศูนย์ดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี มีผู้ติดเชื้ออยู่ประมาณ ๔๐ คน ย้ายที่ตั้งศูนย์ออกจากชุมชนดังกล่าวไปอยู่พื้นที่อื่น เนื่องจากเกรงจะมีปัญหาส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของชุมชน โดยเสียงของประชามติไม่ต้องการให้ผู้ติดเชื้ออยู่ร่วมในชุมชนหลังเนินต่อไป นั้น
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งมีหน้าที่ในการปกป้อง คุ้มครอง ส่งเสริม การเคารพและปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน ได้ติดตามข่าวเรื่องนี้ และลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้ว เห็นว่า สาเหตุประการสำคัญที่ทำให้ประชาชนมีความรู้สึกหวาดกลัวผู้ติดเชื้อเอชไอวี เนื่องจากประชาชนส่วนหนึ่งยังขาดความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการแพร่กระจายของเชื้อเอชไอวี และการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างปกติสุขซึ่งอาจนำไปสู่การกระทำที่เป็นการกระทบสิทธิมนุษยชน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีข้อห่วงใยและข้อกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น ดังนั้น สิ่งที่ควรเร่งรีบดำเนินการในขณะนี้ คือ รัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทุกฝ่าย ต้องร่วมมือกันส่งเสริม ปกป้อง และคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของผู้ติดเชื้อเอชไอวี บนพื้นฐานของความเข้าใจ และเคารพสิทธิมนุษยชนของกันและกัน จึงขอเรียกร้องและมีข้อเสนอให้ดำเนินการโดยมีมาตรการเร่งด่วน และมาตรการระยะยาว ดังนี้
(๑) มาตรการเร่งด่วน ขอให้รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้ข้อมูลกับประชาชนเพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับการแพร่กระจายของเชื้อเอชไอวี และการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อดังกล่าวได้อย่างปกติสุข โดยไม่ต้องอยู่ในภาวะวิตกกังวลใด ๆ เพราะปัจจุบัน
การพัฒนาด้านการสาธารณสุข และเทคโนโลยีทางการแพทย์ มีความก้าวหน้าเป็นอย่างมากในการป้องกันและการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ หากได้ปฏิบัติตามข้อแนะนำของเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ และสาธารณสุข
ทุกคนจะสามารถดำเนินตามวิถีชีวิตของตนได้อย่างปกติ และอยู่ร่วมในสังคมเดียวกันได้อย่างมีความสุข
เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันตลอดไป
(๒) มาตรการระยะยาว ขอให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดนโยบาย วางแผนงาน จัดงบประมาณ และสถานที่ที่เหมาะสมในการบริหารจัดการ ดูแล รวมถึงจัดระบบการอำนวยความสะดวก ด้านสาธารณสุข ด้านสุขภาวะ และการสุขาภิบาล ให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อยู่ในพื้นที่ห่างไกล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควรต้องมีบทบาทหน้าที่ เพื่อให้ชุมชนได้รับบริการอย่างถูกสุขลักษณะ สามารถเข้าถึงสวัสดิการของรัฐได้อย่างทั่วถึง
(๓) สำหรับประชาชนทั่วไป ขอเชิญชวนให้เข้ามีส่วนร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ
องค์กรอาสาสมัครต่าง ๆ ของภาคเอกชน และชุมชนภาคประชาสังคม ในการแสวงหาความรู้ ความเข้าใจ และยึดมั่นคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์โดยไม่ตั้งข้อรังเกียจ หรือเลือกปฏิบัติ เพราะเหตุผลด้านสภาพทางกาย หรือสุขภาพอนามัยในทุกกรณี ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดวัฒนธรรมที่มีความเอื้ออาทร ต่อกันและกันในสังคมไทยอย่างยั่งยืนต่อไป
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ขอวิงวอนให้ทุกฝ่าย ทุกภาคส่วน ได้มีบทบาทร่วมกันปฏิบัติตามแนวทางข้างต้น โดยยึดมั่นแน่วแน่ตามหลักการสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ หากผู้ใดพบเห็น หรือผู้ใดถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน สามารถแจ้งรายละเอียด หรือร้องเรียนไปยังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ตลอดเวลาทาง สายด่วน ๑๓๗๗ เพื่อรีบดำเนินการพิจารณา ตรวจสอบ แก้ไขเยียวยา และปกป้องคุ้มครอง ด้านสิทธิมนุษยชนต่อไป
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๗






